
คลีโอไปดูหนังครอบครัวแห่งปีอย่าง Night At The Museum ภาคสามมา แค่รู้ว่า นี่คือหนังเรื่องสุดท้ายในชีวิตของ โรบิ้น วิลเลี่ยมส์ ก็คุ้มค่าที่จะดูแล้ว คริสมาสต์ปีนี้มาทำให้หัวใจอบอุ่นยิ่งขึ้น กับหนังเรื่องนี้กัน
เรื่องนี้หลักๆ คือการเล่าเกี่ยวกับตำนานของแท่นจารึกสุดสำคัญ ที่ทำให้ทุกอย่างมีชีวิตตอนกลางคืนแท่งนี้ มีเหตุทำให้ทุกคนต้องตกที่นั่งลำบาก เพราะแท่นจารึกเริ่มมีอาการเสื่อม ใช้การไม่ได้ งานเข้าจนต้องไปตามหาตัวคนมารับผิดชอบเลยทีเดียว
ภาคนี้สงสัยผู้กำกับจะกลัวแฟนๆ เบื่อ เลยลงทุนบินไปถ่ายไกลถึงประเทศอังกฤษ แบกนักแสดงทั้งมนุษย์จริงอย่าง ลาร์รี่ และ นิค ยังแถมหุ่นขี้ผึ้งมากมายติดไปด้วย งานนี้เราจะได้เห็นทั้งภารกิจโหด มัน ฮา บวกสเปเชียล เอฟเฟ็คเริ่ดๆ ที่สนุกได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก การันตีได้จากหนุ่มน้อยประมาณ 6 ขวบที่นั่งข้างๆ เรา ขำเสียงดังกว่าใครเพื่อนเลย
เห็นจากโปสเตอร์อาจจะงงว่า นักแสดงสาวมีอันจะกินแห่งเมืองผู้ดีคนนี้มาทำอะไร ขอบอกเลยว่า คนดูจะได้เห็นเรเบล วิลสันในบทยามสาวขี้เหงาสุดเพ้อฝัน! ที่ว่าตลกอยู่แล้ว พอรวมกับนักแสดงชุดเก่าที่เหลือยิ่งฮาเข้าไปใหญ่
ใครไม่ได้ดูภาคหนึ่งและสอง ก็ไม่ต้องนอยด์ มาดูภาคนี้เลยก็เข้าใจได้ง่าย แค่ให้รู้เบสิคว่า พิพิธภัณฑ์นี้ ทุกคืน หุ่นทุกตัวจะมีชีวิต และจะกลับคืนสู่สภาพเดิมเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ที่เหลือก็ นั่งชิลเตรียมพร้อมกับมุขขำแบบระลอกๆ ให้กล้ามท้องขึ้นได้แล้ว ดูให้ดีเรื่องนี้เหมือนเป็นการกระทุ้งถามเราถึงสิ่งที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำมานานในชีวิตด้วยนะ